วิธีเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางให้ตอบโจทย์ทุกทริป

             กระเป๋าเดินทางเป็นไอเทม Travel Checklist ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ เพราะในการเดินทางแต่ละครั้ง เราจำเป็นต้องนำกระเป๋าเดินทางติดตัวไปด้วยเสมอ แต่! การจะเลือกกระเป๋าเดินทางอย่างไรให้เหมาะสมกับทริปและสไตล์การท่องเที่ยวของเรามากที่สุดล่ะ? งานไทยเที่ยวไทย มีคำตอบมาฝาก

สำรวจจำนวนวันที่เราต้องการเดินทางก่อนเสมอ

            เพราะแต่ละทริปจำนวนวันในการเดินทางของเราก็ไม่เท่ากัน บางครั้งเราอาจเดินทางไปทำธุระแค่ 1-2 วัน บางครั้งก็เป็นการไปพักร้อนช่วงสุดสัปดาห์ 2-3 วัน หรือบางครั้งก็เป็นการหยุดยาวไปต่างประเทศ เที่ยวกันให้หนำใจ 7-10 วัน ระยะเวลาที่ต่างกันจึงส่งผลต่อการเลือกกระเป๋าเดินทางของเราด้วยนั่นเอง

            การเลือกกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับจำนวนวันในแต่ละทริปทริป 1 – 3 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 16 – 21 นิ้วการเดินทาง 1-2 วัน อาจเป็นทริปด่วน ทริปเร่งรีบ หรือการเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่เราไม่มีโอกาสได้ซื้อของฝาก ของที่ระลึกหรือแวะช้อปปิ้งก่อนกลับได้มากนัก เราจึงควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก เน้นความคล่องตัวเอาไว้ก่อน เลือกแพ็คแต่ของที่จำเป็น พร้อมเดินขึ้นเครื่องแบบชิลได้เลย

            ทริป 3 – 7 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 24 – 26 นิ้วการเดินทาง 3-7 วัน หรือเป็นสัปดาห์แบบนี้ ควรเตรียมกระเป๋าใบใหญ่และโหลดลงใต้เครื่องไปเลยแบบไม่ต้องคิดมาก เพื่อให้เราเที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนเสื้อผ้า จุได้เน้นๆเหลือๆเพียงพอสำหรับใส่เสื้อผ้าสัมภาระ และของช้อปของฝากกลับมาด้วย

           ทริป 7 – 10 วันขึ้นไป ควรใช้กระเป๋าเดินทาง 29 – 32 นิ้วสำหรับการเดินทางระยะยาวหรือทริปที่เราไปเที่ยวเมืองหนาว ควรเลือกกระเป๋าที่มีความจุเยอะ สามารถใส่เสื้อผ้าและของใช้จำเป็นได้เพียงพอ รวมถึงใส่เสื้อโค้ทหนาๆได้แบบสบายๆหายห่วง แต่งตัวสวยๆเซลฟี่ถ่ายรูปจุกๆ ไม่มีสะดุดตลอดทั้งทริปไปเลย

          อย่าลืมดูประเภทและวัสดุของกระเป๋าเดินทางกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากเป็นกระเป๋าที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ไม่ว่าจะเป็นแบบ 2 ล้อหรือ 4 ล้อ ส่วนวัสดุที่นิยมนำมาผลิตก็จะมี 2 แบบ คือ แบบผ้า (Soft Case) และ แบบพลาสติกแข็ง (Hard Case)

 

Soft Case VS Hard Case เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับการเดินทาง

                                                                                                                          รูปภาพจาก Tpartnerluggage.com

      1.กระเป๋าเดินทางล้อลากแบบผ้า (Soft Case)

     ข้อดี : รูปทรงสวยงามและยืดหยุ่น ทนทานต่อรอยขีดข่วน

     ข้อเสีย : เปียกฝนหรือชื้นง่ายแม้จะเคลือบกันน้ำ ทำความสะอาดยาก หากถูกกดทับมากๆ กระเป๋าอาจเสียทรง นอกจากนี้ยังไม่รองรับการกระแทกแรงๆ อย่างเช่น การตกจากที่สูงหรือการโยน ทำให้สิ่งของในกระเป๋ามีโอกาสแตกหักและเสียหายได้

      2.กระเป๋าเดินทางล้อลากแบบพลาสติกแข็ง (Hard Case)

      ข้อดี : รูปทรงสวยงามและน้ำหนักเบา ดูทันสมัย แข็งแรง ปกป้องสัมภาระของเราได้ดี รองรับน้ำหนักและการกระแทกได้ดี 

      ข้อเสีย : เป็นรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่ากระเป๋าเดินทางล้อลากแบบผ้า

      นอกจากเลือกวัสดุของกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากแล้ว ยังมีคำแนะนำเล็กๆน้อยๆ มาฝากเพิ่มเติมคือ ควรเลือกใช้กระเป๋าที่มีระบบล้อแบบ 360 องศา เพื่อความสะดวกในการลากมากที่สุด ล้อแบบนี้จะสามารถหมุนได้ฟรีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นเดินหน้า ถอยหลัง หรือการเลี้ยวซ้ายขวาก็จะสะดวกกว่าล้อแบบธรรมดา ช่วยผ่อนแรงในการลากกระเป๋า ไหลลื่นไม่มีสะดุด

      อุปกรณ์เสริมสำหรับกระเป๋าเดินทาง 

      ผ้าคลุม & PVC กันรอยขีดข่วน การใช้ผ้าที่มีความยืดหยุ่นสูงมาคลุมกระป๋าเดินทาง เป็นอีกตัวช่วยที่ลดการเกิดรอยขีดข่วนได้ดี ช่วยป้องกันกระเป๋าเดินทางแตก หัก หรือเสียรูปได้อีกหนึ่งระดับ แต่หากใครไม่ชอบผ้าคลุมที่มีลวดลายสีสัน แนะนำเป็น PVC คลุมใสแบบเรียบๆ ที่ทำให้กระเป๋าดูเนี้ยบขึ้น อีกทั้งตัว PVC ยังมีความเหนียวและหนา โหลดใต้เครื่องได้อย่างสบายใจหายห่วง ไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าจะเป็นรอยเลยค่า   

                                                                                                                        รูปภาพจากงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 66

       เป็นยังไงบ้างกับทริคการเลือกกระเป๋าเดินทางอย่างไรให้เหมาะสมกับการเดินทาง หวังว่าแนวทางที่เรานำมาฝาก จะเป็นไอเดียในการตัดสินใจเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางได้บ้าง กระเป๋าเดินทางก็เหมือนเพื่อนคู่ใจ เลือกใบที่คิดว่าใช่ ใช้แล้วสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วพบกันในงานไทยเที่ยวไทย (www.งานไทยเที่ยวไทย.com) Have a nice trip!

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.tpartnerluggage.com